ใครๆก็แก้กฎหมายได้(คุณก็ด้วย)
Bookmark and Share

วันเสาร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ลูกจ่ากร่างขับย้อนศรถูกด่าฟ้องพ่อพาพวกยำ-ไล่ยิง พนง.จราจรวัดเจ็บ!

ลูกจ่ากร่างขับย้อนศรถูกด่าฟ้องพ่อพาพวกยำ-ไล่ยิง พนง.จราจรวัดเจ็บ!
โดย ทีมข่าวอาชญากรรม 8 สิงหาคม 2552 21:56 น.
http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9520000090158
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
นายพิสิทธิ์ คงกลิ่น อดีตตำรวจยศจ่า นายสมพงศ์ ทาเงิน นักมวยในค่าย และนายตั้ม (นามสมมติ) บุตรชายนายพิสิทธิ์ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ผู้ต้องหาที่ตำรวจคุมตัวมาสอบปากคำ

นายมานพ แก้วเจียระนัย อายุ 45 ปี หัวหน้าพนักงานจราจร ที่ได้รับบาดเจ็บในเหตุการณ์

นายพิสิทธิ์ คงกลิ่น อดีตตำรวจยศจ่า

 
อุกอาจ!อดีตตำรวจ พร้อมชายฉกรรจ์กว่า 20 คน อาวุธปืน ไม้เบสบอล มีดหัวตัดครบมือ บุกรุมทำร้ายพนักงานจราจรวัดธาตุทอง ฉุนไม่พอใจ ลูกชายถูกต่อว่าขับเก๋งย้อนศรในวัด กร่างพาพวกค่ายมวยตะลุมบอน กราดยิงกลางวัดขู่ โชคดี ตร.ห้ามทัพทัน ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บ ฉงนท้องที่ทำมึนปืนจ่อหัวไม่รับแจ้งข้อหาพยายามฆ่า
       
       วันนี้( 8 ส.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น.ขณะที่ ร.ต.อ.วริศร์ สอนแก้ว รองสวป.สน.คลองตัน ปฏิบัติหน้าที่อยู่ ได้รับแจ้งจากพนักงาน วัดธาตุทอง ถ.สุขุมวิท แขวงพระโขนงเหนือ เขตวัฒนาว่า มีเหตุกลุ่มชายฉกรรจ์กว่า 20 คน พกไม้เบสบอล มีดหัวตัด และอาวุธปืนเข้ามาภายในวัด และรุมทำร้ายทำร้ายร่างกายพนักงานจราจรของวัดจนได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงรุดไปตรวจสอบ
       
       เมื่อไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ยุติลงแล้วโดยผู้ได้รับบาดเจ็บจากการถูกฟันที่บริเวณหลัง และแขนขวา ทราบชื่อต่อมาคือ นายสมพล สุทธิธรรมพร อายุ 43 ปี กรรมการวัดธาตุทอง อยู่บ้านเลขที่ 36/21 ต.บึงคำพ้อย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลสุขุมวิทรับการรักษา โดยแพทย์เย็บแผลถูกฟันถึง 30 เข็ม
       
       ส่วนผู้ก่อเหตุบางส่วนยังอยู่ในที่เกิดเหตุ โดยมี พ.ต.ท.ไมตรี ศิลปเสวี รอง ผกก. สน.บางชัน เป็นผู้ควบคุมตัวอยู่ จำนวน 3 คน คือ นายพิสิทธิ์ คงกลิ่น อดีตตำรวจยศจ่า ซ.แสนสุข ใกล้กับวัดธาตุทอง นายสมพงศ์ ทาเงิน นักมวยในค่าย และนายตั้ม (นามสมมติ) บุตรชายนายพิสิทธิ์ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนมัธยมวัดธาตุทอง พร้อมยึดของกลางอาวุธปืนลูกโม่ 1 กระบอก ไม้เบสบอล และมีดสปาต้าหัวตัด จำนวนหนึ่งไว้ได้ ร.ต.อ.วริศร์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจจึงควบคุมตัวผู้ก่อเหตุ พร้อมกับกลุ่มพนักงานจราจรวัดธาตุทองที่ได้รับบาดเจ็บมาสอบสวนที่ สน.คลองตัน
       
       นายวีระศักดิ์ พงษ์เถื่อน อายุ 27 ปี พนักงานจราจรวัดธาตุทอง หนึ่งในผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณเที่ยงวันเดียวกันนี้ ได้มีรถกระบะโตโยต้า วีโก้ สีขาว ไม่ทราบทะเบียน เลี้ยวรถเข้ามาในวัดทางประตูทางออก ซึ่งเป็นการขับย้อนศร จึงเข้าไปเรียกรถคันดังกล่าว และบอกว่ากำลังขับรถย้อนศร แต่คนขับรถเปิดกระจกลงมาถามกลับว่า “มีปัญหาอะไรหรือเปล่า” ก็เห็นคนขับเป็นเด็กนักเรียนชาย โรงเรียนมัธยมวัดธาตุทอง เพราะแต่งชุดนักเรียนอยู่ ทราบชื่อภายหลัง นายตั้ม โดยมีเพื่อนชายหญิง 2 คนนั่งอยู่ในรถ
       
       นายวีระศักดิ์ กล่าวต่อว่า หลังถูกหาเรื่องก็พยายามสงบสติอารมณ์ พร้อมกับบอกให้คนขับรถขับไปจอดให้เป็นที่เป็นทาง ซึ่งในช่วงนั้นตนก็ไม่ติดใจอะไรเพราะเห็นว่าการจราจรกำลังติดขัด แต่หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมงเพื่อนพนักงานจราจรด้วยกันก็มาบอกว่ามีคนถือมีดเข้ามาในวัด ซึ่งนายมานพ แก้วเจียระนัย อายุ 45 ปี น้าชาย ซึ่งเป็นหัวหน้าพนักงานจราจรก็ขี่จักรยานยนต์ตระเวนดู พบว่า มีกลุ่มชายฉกรรจ์กว่า 20 คน ถือไม้เบสบอล และมีดสปาต้าหัวตัด รวมตัวกันอยู่ที่หน้าโบสถ์ และถามหาคนที่มีเรื่องกับลูกชาย นายมานพ พร้อมด้วย นายสมพล สุทธิธรรมพร กรรมการวัด และพนักงานวัดอีกหลายคนจึงเข้าไปสอบถาม โดยทันทีที่เผชิญหน้ากัน นายพิสิทธิ์ก็ถามว่า “ยามคนไหนมีเรื่องกับลูกกู” จากนั้นนายตั้ม ลูกชายนายพิสิทธิ์ก็ชี้มาที่ตนทันที แต่ยังไม่ทันได้เจรจรอะไรก็มีชายฉกรรจ์ในกลุ่มตรงเข้าชกนายมานพล้มลงไปกองกับพื้น ส่วนพวกที่เหลือก็ปรี่เข้ารุมกระทืบนายมานพ น้าชาย ขณะนั้นนายสมพลกำลังจะเข้าไปห้ามปรามก็ถูกนายพิสิทธิ์ชักอาวุธปืนลูกโม่ที่ขึ้นนกไว้พร้อมแล้วมาจ่อศีรษะ พร้อมกับบอกว่า จะหยุดไหม ไม่หยุดจะยิง จากนั้นก็กราดปืนไปทั่วเพื่อให้พวกตนหยุด
       
       นายวีระศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อพวกตนเห็นว่านายพิสิทธิ์ชักปืนมาขู่จึงไม่กล้าทำอะไร ทำให้กลุ่มชายฉกรรจ์ที่เหลือได้ใจตรงเข้ามารุมทำร้ายพวกตน มีทั้งใช้ไม้เบสบอลตี และใช้มีดฟันหลังนายสมพลจนลงไปกองกับพื้น ส่วนพวกตนที่เหลือต่างก็แตกฮือวิ่งหนีเอาตัวรอด ซึ่งตอนที่วิ่งหนีก็ยังถูกไล่ตาม ระหว่างนั้นก็สังเกตเห็นวัยรุ่นในกลุ่มคนหนึ่งชักปืนมายิงใส่พวกตน 3 นัดด้วย
       
       ด้านนายโอ๋ แก้วเจียระนัย อายุ 24 ปี บุตรชายนายมานพ กล่าวด้วยว่า ช่วงที่ชุลมุนกันอยู่นั้นตนกำลังขี่รถขักรยานยนต์ผ่านมาเห็นเหตุการณ์พอดี และเห็นว่าพ่อกำลังถูกรุมทำร้ายจึงจอดรถวิ่งเข้าไปช่วย แต่ไม่ทันถึงตัวพ่อก็ถูกพวกนั้นเอาไม้ไล่ตีจนต้องวิ่งหนีไปแต่ก็ยังถูกชายฉกรรจ์บางส่วนวิ่งไล่ตามมาอีก จนกระทั่งมาถึงบริเวณศาลา 7 ใกล้กับสำนักงานวัด กลุ่มชายฉกรรจ์ประมาณ 6-7 คนถือไม้เบสบอล ถือมีดสปาต้าวิ่งไล่ตามมา โดยหนึ่งในนั้นมีนายพิสิทธิ์ตามมาด้วย ตนจึงพยายามร้องให้คนช่วย แต่เมื่อนายพิสิทธิ์ตามมาทันก็ชักปืนมาจ่อหน้าตนทันที ตนเห็นปืนขึ้นนกไว้แล้วจึงตกใจกลัว และพยายามถอยหนี ช่วงนั้นมีพระภิกษุในวัดหลายรูปพยายามเข้ามาห้ามปรามแต่ก็ถูกปืนขู่จนต้องถอยหนี โชคดีที่มีตำรวจในเครื่องแบบคนหนึ่งที่มาร่วมงานศพในวัด ทราบชื่อคือ พ.ต.ท.ไมตรี เข้ามาห้าม และยึดอาวุธปืนกระบอกนั้นไว้ ทำให้พวกที่เหลือแตกกระจายหลบหนีไป จากนั้นไม่นานตำรวจสายตรวจ สน.คลองตันก็มาสมทบ
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อมาถึง สน.คลองตัน กลุ่มผู้เสียหายได้ร้องเรียนต่อสื่อมวลชนที่ติดตามมาทำข่าวว่า กลุ่มผู้ต้องหาได้ท้าทาย และข่มขู่กลุ่มผู้เสียหายว่า สนิทสนมกับนายตำรวจใหญ่ในพื้นที่ โดยระหว่างที่แจ้งความนั้นได้มีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ในพื้นที่คนหนึ่งโทรศัพท์มาหาเพื่อขอไกล่เกลี่ยกลุ่มผู้เสียหายให้ยอมความ แต่กลุ่มผู้เสียหายไม่ยอมเนื่องจากเหตุที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเหตุอุกฉกรรจ์ กลุ่มผู้ต้องหาใช้ทั้งมีด ไม้ รวมทั้งใช้ปืนจ่อหัว และยิงเข้าใส่กลุ่มพนักงาน ที่สำคัญเป็นการก่อเหตุในวัด แต่เมื่อกลุ่มผู้เสียหายจะแจ้งความกับพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหาในข้อหาพยายามฆ่านั้นก็ถูกพนักงานสอบสวนปฏิเสธไม่รับแจ้งความข้อหาดังกล่าว โดยอ้างว่า การนำปืนจ่อนั้นยังไม่เข้าข่ายฐานความผิดดังกล่าว นอกจากนี้ยังให้ผู้เสียหายกลับไปตามหาหัวกระสุน และปลอกกระสุนในที่เกิดเหตุมาก่อน ทำให้กลุ่มผู้เสียหายไม่พอใจ ตัดสินใจเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์สำนักงานตำรวจแห่งชาติต่อไปในวันจันทร์ที่ 10 ส.ค.
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วนกลุ่มผู้ต้องหาที่ควบคุมตัวอยู่ที่ สน.นั้นก็ไม่มีท่าทีสลดหรือสำนึกผิดแต่อย่างใด หนำซ้ำยังรู้จักกับตำรวจที่ สน.ด้วย และเมื่อผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามชื่อนามสกุลผู้ต้องหาทั้งสามนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดูแลผู้ต้องหาต่างก็พยายามบ่ายเบี่ยงไม่ยอมให้ข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวพยายามขอคำชี้แจงจากนายพิสิทธิ์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่นายพิสิทธิ์ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์
       
       เบื้องต้นพนักงานสอบสวนดำเนินคดี นายพิสิทธิ์ นายสมพงศ์ และนายตั้ม ในข้อหา ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บ มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนข้อหาพยายามฆ่านั้นอยู่ระหว่างสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องว่าจะเข้าข่ายความผิดดังกล่าวหรือไม่


--
ขอเชิญอ่าน blog.Thank you so much.
http://www.parent-youth.net
http://www.tzuchithailand.org
http://www.presscouncil.or.th
http://thainetizen.org
http://www.ictforall.org
http://www.narit.or.th
http://dbd-52.hi5.com
http://www.rmutr.ac.th
http://www.momypedia.com
http://www.thaisara.com
http://www.rmutr.ac.th
http://icann-ncuc.ning.com
http://www.webmaster.or.th
http://weblogcamp2009.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ติดตาม

คลังบทความของบล็อก